Home » กีฬาทางน้ำ

Category Archives: กีฬาทางน้ำ

“เวคบอร์ด” นาฏลีลาเหนือผิวน้ำ

วิวัฒนาการของกีฬานั้นไม่เคยที่จะหยุดนิ่ง นำไปสู่กีฬารูปแบบใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาประเภทเอ็กซ์ตรีมด้วยแล้วดูเหมือนจะไร้กรอบข้อจำกัดมาขวางกัน “เวคบอร์ด” (Wakeboard) เป็นกีฬาเอ็กซ์ตรีมประเภทหนึ่งที่วิวัฒนาการมาจากการผสานทักษะกีฬาเอ็กซ์ตรีมหลายประเภทเข้าด้วยกัน หลักใหญ่คือ เซิร์ฟบอร์ดหรือกระดานโต้คลื่นและสกีน้ำ โดยผู้เล่นต้องขึ้นไปยืนทรงตัวบนบอร์ดแล้วถูกดึงโดยเชือกหรือเคเบิ้ลจนเป็นที่มาของอีกนิยามเรียกว่า “เคเบิ้ลสกี” พร้อมลีลาผาดโผนไม่ต่างจากการร่ายรำเหนือผิวน้ำ

พัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่ง

จากจุดเริ่มที่ใช้เพียงเรือลากแผ่นเซิร์ฟในยุคเริ่มแรกจนมาถึงปัจจุบันมันได้เปลี่ยนแปลงหรือพัฒนามาจนเป็นเวคบอร์ดเช่นที่เล่นกันในทุกวันนี้อยู่ไม่น้อย ทั้งที่เคยลากกับเรือโต้เกลียวคลื่น เพิ่มทางเลือกด้วยการใช้มอเตอร์ลากรอกสลิงที่ขึงยึดกับทาวเวอร์ เพิ่มความท้าทายในเล่นลีลาผาดโผนด้วยแรมป์หรือจุดกระโดดรูปแบบต่าง ๆ เข้ามาแทนการที่การคลื่นจากท้ายเรือ จึงเหมาะกับฝึกและเล่นในรูปแบบไลฟ์สไตล์ ด้วยสถานที่ดังกล่าวจะตั้งอยู่บริเวณบึงหรือทะเลสาบที่ค่อนข้างดูแลความปลอดภัยได้ง่ายกว่าการเล่นในทะเลเปิด

ส่วนรูปทรงแผ่นเซิร์ฟบอร์ดก็มีหลากรูปแบบให้ผู้เล่นได้เลือกตามความเหมาะสมกับทักษะ เช่น “นีบอร์ด” (Knee Board) บอร์ดแบบนั่งคุกเข่า เหมาะใช้การเริ่มฝึกเพื่อทรงตัวบนน้ำและให้เคยชินกับแรงดึงของสายเคเบิ้ล “เวคบอร์ด” (Wake Board) ใช้ยืนเล่นที่มีรองเท้าติดกับบอร์ด และ “เวคสเก็ต” (Wake Skate) เป็นบอร์ดที่มีพื้นกระดาษทรายคล้ายพื้นของสเก็ตบอร์ด ผู้เล่นจึงต้องใส่รองเท้าผ้าใบเพื่อช่วยให้รองเท้ายึดกับบอร์ดได้ อีกทั้งสามารถเล่นทางผาดโผนได้สะดวกกว่า อย่างไรก็ตามเวคสเก็ตค่อนข้างเล่นยากจึงเหมาะสำหรับมือโปรจริง ๆ  

 การฝึกและการเล่น

ในการเล่นเวคบอร์ดนั้นค่อนข้างเป็นกีฬาที่ต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกายอยู่ไม่น้อย ดังนั้นก่อนจะผันมาเล่นก็ควรไปเข้ายิมหรือออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายได้รับรู้และเคยชินกับการออกแรงเสียก่อนบ้าง ใช่ว่านึกอยากจะเล่นขึ้นมาก็กระโดดลงเล่นได้เลย เช่น กล้ามเนื้อส่วนแขนที่ต้องพบเจอกับแรงฉุดกระชากจากเคเบิ้ล ส่วนกล้ามเนื้อขาที่ยึดกับบอร์ดก็ต้องเจอกับแรงต้านของกระแสน้ำตลอดจนควบคุมบังคับทิศทางของบอร์ด ได้ยินได้ฟังอย่างนี้แล้วหลายคนอาจถึงกับเมินหน้าหนีไปเสียก่อน โดยเฉพาะสาว ๆ ขอบอกว่าเวคบอร์ดนั้นสามารถเล่นกันได้ผู้ชายและผู้หญิง

นอกจากนี้เวคบอร์ดก็เฉกเช่นการเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมประเภทอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องฝึกฝนก่อน เริ่มต้นจากการเล่นนีบอร์ค เพื่อฝึกทักษะพื้นฐาน เช่น การทรงตัว การเข้าโค้ง แรงดึงของสายเคเบิ้ล หลังจากนั้นจึงเลื่อนไปสู่การใช้เวคบอร์ด ที่ต้องยืนทรงตัวก่อนนำไปสู่ท่วงท่าและลีลาผาดโผนรูปแบบต่างๆ ยังดีเลิศขนาดไหนก็ขึ้นกับความพยายามในการฝึกฝน

อุปกรณ์ป้องกันในการเล่นพื้นฐานสำคัญที่ต้องใช้สวมใส่ยามที่ลงเล่นทุกครั้งก็เป็นหมวกกันน็อกกันกระแทกยามเกิดอุบัติเหตุ เสื้อชูชีพยามที่ตกน้ำ นอกจากนี้ก็อาจมีถุงมือ สนับศอก สนับเข่า

สำหรับสถานที่ให้บริการหรือสนามฝึกเล่นเวคบอร์ดก็มีให้เลือกอยู่หลายแห่ง กระจายอยู่ทั่วไปตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ในบ้านเรา ขอให้ใจกล้าพอที่ก้าวข้ามกรอบเดิม ๆ

“ไคท์บอร์ดดิ้ง” ร่มร่อนโล้คลื่นเหนือผืนน้ำ

หากถามว่าเบื่อไหมกับการนั่ง ๆ นอน ๆ และเล่นน้ำยามที่เราออกไปท่องเที่ยวทางทะเล กิจกรรมที่มีอยู่ก็ดูเหมือนจะซ้ำ ๆ ซาก ๆ เสียนี่กระไร เชื่อเหลือเกินว่าบรรดาผู้คลั่งไคล้กีฬาเอ็กซ์ตรีมร้อยทั้งร้อยต้องตอบว่า เบื่ออย่างแน่นอน อย่างนั้นจะช้าอยู่ใย มองไปที่ชายหาดทอดยาวและลองสังเกตท้องฟ้าบริเวณนั้น หากพบเห็นว่าวรูปทรงแปลกทรงคล้ายพระจันทร์เสี้ยวก็ให้ตรงดิ่งไปหาต้นตอ แล้วจะพบว่านั้นล่ะคือความท้าทายอีกรูปแบบสำหรับผู้หลงใหลกิจกรรมกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่รอให้คุณได้ไปสัมผัส กิจกรรมดังกล่าวคือ“ไคท์บอร์ดดิ้ง” หรือที่เรียกกันอีกชื่อว่า“ไคท์เซิร์ฟวิ่ง”

ไคท์บอร์ดดิ้ง กีฬาอะไร…?

ไคท์บอร์ดดิ้ง (Kiteboarding) หรือไคท์เซิร์ฟ (Kitesurf) เป็นกีฬาทางน้ำรูปแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมตามพื้นที่ที่มีแนวชายหาด ที่เป็นเช่นนั้นเพราะต้องการอาศัยแรงลมในการขับเคลื่อน ชื่อมันในภาษาอังกฤษก็ค่อนข้างบ่งบอกได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นว่าว (Kite) และกระดานโต้คลื่น (Board) อันเป็นอุปกรณ์หลัก ๆ ที่ใช้การเล่นผสมผสานทักษะกีฬาหลายชนิดเข้าด้วยกัน อันได้แก่ เวกบอร์ด (Wakeboarding), วินเซิร์ฟ (Windsurfing), เซิร์ฟ (Surfing), พาราไกด์ดิ่ง (Paragliding) และยิมนาสติก (Gymnastics)

ส่วนวิธีการเล่นวิธีเล่นนั้นผู้เล่นจะต้องขึ้นไปยืนบนบอร์ดสวมเท้า สวมเข็มขัดสำหรับยึดกับว่าวขนาดใหญ่รูปทรงพระจันทร์เสี้ยว มือจับบาร์ที่คอยควบคุมว่าวให้กินลมเพื่อลากผู้เล่นที่ยืนอยู่บนบอร์ดเหนือน้ำให้เคลื่อนที่ไปบนน้ำ ฟังดูเหมือนเรื่องง่าย ๆ แต่หากไม่ได้รับการอบรมก็ยากที่จะลงไปเล่นได้

ทำอย่างไรถึงจะเล่นกับเขาได้บ้าง ?

มีคำตอบเดียวสำหรับเรื่องนี้คือผู้เล่นจำเป็นต้องไปเรียนรู้เข้าคอร์สฝึกอบรมการเล่นจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น เริ่มตั้งแต่การหัดบังคับควบคุมตัวว่าวบนชายหาด เรียนรู้ถึงทิศทางลมเพื่อให้ว่าวไปตามจุดหมายที่ต้องการให้ได้เสียก่อน เมื่อผู้เล่นสามารถรับรู้น้ำหนักแรงดึงว่าวที่กินลมรวมถึงการบังคับทิศทางแล้วจึงลงไปฝึกบังคับว่าวในน้ำให้รับรู้กับแรงฉุดกระชากของว่าวยามต้องลมรวมถึงแรงปะทะของน้ำ ก่อนจะขึ้นฝึกยืนบนบอร์ดที่ต้องผสมผสานเทคนิคการบังคับว่าวและการทรงตัวบนบอร์ดเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนจนชำนิชำนาญพอให้ว่าวได้โต้ลมนำพาผู้เล่นเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายตามที่ตั้งใจให้ได้เสียก่อนจึงค่อยไปสู่การเล่นท่าผาดโผนโจนทะยานโต้เกลียวคลื่น

จุดหมายของเล่นไคท์บอร์ดดิ้ง

บอกตามตรงว่าคนไทยนั้นมีความโชคดีมาก ๆ ที่เกิดอยู่ในภูมิภาคที่สามารถเล่นไคท์บอร์ดดิ้งได้เกือบตลอดทั้งปี จะว่างเว้นไปบ้างในบ้างช่วงด้วยกีฬาประเภทนี้ต้องอาศัยลมมาเป็นตัวขับเคลื่อน อีกทั้งไม่ต้องตะลอนไปไหนไกล แค่วันหยุดสุดสัปดาห์ก็สามารถออกไปท้าสายลมและเกลียวคลื่นกันได้แถวชายทะเลหัวหิน ปราณบุรี ระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม ครั้นย่างเข้ามิถุนายน-ตุลาคม ลงไปไกลสักนิดแถบทะเลจังหวัดชุมพร สุดท้ายช่วงปลายปีพฤศจิกายน-ธันวาคม วกข้ามฝากมาใกล้ ๆ ย่านชายหาดพัทยา

สุดยอดกีฬา สุดยอดของการเดิมพัน

เป็นที่น่ายินดีของผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้แต่ไม่สามารถลงเล่นเองได้ เพราะวันนี้คุณสามารถเพิ่มความสนุกในการรับชมได้อีกเท่าตัว โดยการเดิมพันผ่านช่องทางเว็บไซต์กีฬา ที่เปิดโอกาสให้คุณได้เลือกวางเดิมพันทั้งกับกีฬาชนิดนี้ และกีฬายอดนิยมหรือกีฬาแปลก ๆ ทั่วโลก ด้วยจำนวนเงินเพียงเล็กน้อย ก็ร่วมสนุกได้แล้ว

อย่างไรก็ตามแม้ว่ากีฬาไคท์บอร์ดดิ้งจะสามารถเล่นได้ทุกชายหาดที่มีลมแรง ซึ่งบ้านเรามีอยู่มากมายหลายแห่ง แต่ใคร่ขอเตือนว่า ต่อให้คุณมีเงินมีทองไปซื้ออุปกรณ์ดี ๆ มาใช้ ก็อย่าคิดไปเล่นเองโดยไม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำหรือไม่ผ่านการเรียนหรืออบรมมาก่อนโดยเด็ดขาด พลาดพลั้งอาจทำให้บาดเจ็บได้

ล่องแก่ง ท้าความกล้ากลางสายน้ำเดือด

เมื่อเข้าสู่หน้าฝนของทุกปี สายน้ำที่เคยไหลอย่างอ้อยอิ่งเริ่มทวีความเชี่ยวกราด และยิ่งสายน้ำใดเต็มไปด้วยแก่งหินจะก่อเกิดคลื่นน้ำสีขาวแตกกระจายตัวอยู่ทั่วลำน้ำ จึงเป็นที่มาของคำเรียกว่า “White Water” นั้นละคือสิ่งที่ผู้คนกลุ่มหนึ่งต่างเฝ้ารอ เพราะมันหมายถึงห้วงเวลาของความท้าทายสายน้ำได้เริ่มขึ้นแล้วกับกีฬา “ล่องแก่ง” หรือ White Water Rafting

“ล่องแก่ง ใครก็ล่องได้” หลายคนอาจซักค้าน ซึ่งก็ไม่ผิดเพราะคำว่าล่องแก่ง อาจมีนิยามที่ค่อนข้างกว้าง ผู้คนส่วนจึงเหมารวมการล่องเรือยางชิว ๆ ชมธรรมชาติ ด้วยเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมที่สุด แทบทุกสายน้ำซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวต่างล้วนมีกิจกรรมนี้ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวแทบทุกแห่ง แต่สำหรับผู้รักความท้าทายแบบสุดขั้ว รูปแบบดังกล่าวยังไม่พอเพียงสนองให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลีนได้

แบบไหนละถึงจะเรียกว่า “สุดขั้ว” ในรูปแบบ White Water Rafting?  

ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าเกมส์กีฬาล่องแก่งนั้นถูกจัดแบ่งออกเป็นหลายระดับตามความยากง่ายของสายน้ำด้วยกัน 6 ระดับ เริ่มตั้งแต่ ระดับ 1 ซึ่งถือว่าง่ายที่สุด ใคร ๆ ก็ล่องได้ น้ำไหลเอื่อย ๆ มีแก่งเล็ก ๆ อยู่บ้าง ระดับ 2 ขั้นธรรมดาที่นักท้าสายน้ำต้องมีทักษะสมควร ด้วยกระแสน้ำจะไหลแรงขึ้น ยามที่มันปะทะกับโขดแก่งหินจะเกิดฟองคลื่นเล็ก ๆ ระดับ 3 อยู่ในขั้นปานกลาง ซึ่งเริ่มเข้าข่ายที่จะประมาทไม่ได้ นักล่องแก่งจึงต้องมีทักษะในการพายและพร้อมรับฟังคำสั่งรวมถึงปฏิบัติตามลีดเดอร์ที่ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่นายท้ายควบคุมบังคับทิศทาง อุปกรณ์นิรภัยก็ต้องครบ กระแสน้ำทวีความเร็วและแรง สังเกตได้ยามปะทะแก่งหินเกิดลูกคลื่นแตกตัวเป็นฟองขาวนั้นล่ะคือ White Water ที่เรียกขานกัน ไม่เพียงเท่านั้นในบางช่วงจะมีกระแสน้ำหมุนวน ครั้นขึ้นมาถึงระดับ 4 เข้าเกณฑ์ที่เรียกได้ว่ายาก ห้ามประมาท ด้วยสายน้ำไหลเร็วและแรง บวกกับปริมาณน้ำที่มากครั้นเมื่อปะทะแก่งก็จะแยกแตกตัวออกเป็นหลายสาย ก่อเกิดกระแสน้ำที่ปั่นป่วนรุนแรง ไม่เพียงเท่านั้นบางจุดสายน้ำจะทิ้งตัวลงจากแก่งหินที่ขวางทางน้ำลงไปประมาณ 1 เมตรเบื้องล่างใต้น้ำมีโขดหินเกิดเป็นกระแสน้ำวนที่สามารถดูดเรือให้หมุนวนอยู่ที่ และอาจส่งให้เรือพลิกคว่ำได้ ส่วนระดับ 5 ขั้นยากมาก ห้ามประมาทโดยเด็ดขาด ทุกปัจจัยในระดับ 4 มีอยู่ครบเครื่อง แต่ทุกอุปสรรคกลับมีสเกลที่ใหญ่ขึ้นเป็นทวีคูณ ทั้งกระแสน้ำ แก่งหินขนาดใหญ่ และการลดระดับของสายน้ำถึงขนาดที่เรียกว่าน้ำตกย่อม ๆ สูง 1-2 เมตร อยู่เป็นระยะ ๆ และที่น่ากังวลที่สุดคือกระแสน้ำวนที่รุนแรง ระดับ 5 นี้ทุกคนในทีมจึงต้องเขี้ยวกันพอสมควรทั้งด้านเทคนิคและประสบการณ์ และมาถึงขั้นสูงสุดคือระดับ 6 อันตราย บอกได้คำเดียวว่า “พอเถอะ” ไม่ควรล่อง อาจต้องยกเว้นไว้สำหรับสาวกเอ็กซ์ตรีมที่ชอบเสี่ยงตายเท่านั้น

ที่สุดของความท้าทายเหนือสายน้ำเมืองไทย

มาถึงบทสรุปของปลายทางความท้าทายเหนือสายน้ำในบ้านเรา ซึ่งคำตอบนั้นนับเป็นความโชคดีที่เมืองไทยมีอยู่เกือบทุกภูมิภาค ความยากง่ายแตกต่างกันไปในแต่ละฤดูกาล แต่หากลงลึกถึงแก่นของความสุดขั้วก็ต้องผันหน้าขึ้นเหนือไปยัง “ลำน้ำว้า” แห่งเมืองน่านที่มีระดับความยากง่ายตั้งแต่ 3 ไปจนถึง 5 กันเลยทีเดียวโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม รับรองว่าได้พบกับสายน้ำเดือดหรือ White Water อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นการล่องแก่งสายน้ำแห่งนี้ก็มีให้เลือกทั้งระยะสั้น 3 ชั่วโมงไปจนถึง 3 วันเต็ม

ใกล้ลงมาสักหน่อยก็ที่ “ลำน้ำเข็ก” เมืองพิษณุโลก ฤดูฝนก็มีความดุดันของสายน้ำไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ในบางเดือนดีกรีทะลุถึงระดับ 5 กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็มี “แม่น้ำปาย” “สายน้ำแม่แตง” และใกล้ ๆ ได้ความรู้สึกไม่แพ้กันคือ “แก่งหินเพิง” จังหวัดปราจีนบุรี

ดังนั้นครั้นเมื่อหน้าฝนมาเยือน จงรับรู้เถอะว่าห้วงเวลาและโอกาสของการท้าสายน้ำเดือดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หากตั้งใจอย่ารอช้าหรือคิดหลบฝน รวมก๊วนกันออกไปตะลุยสายน้ำที่แต่ละปีมีเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นที่คุณจะได้พบเจอประสบการณ์ความท้าทายที่ยากจะลืม